ปัจจุบัน วงการแพทย์ได้มีการ พัฒนาไปไกลเป็นอย่างมาก ทำให้เราทราบถึง การเจริญเติบโตของ ทารกในครรภ์ ได้อย่างดี โดยวงการแพทย์ได้ใช้ เครื่องมือเทคโนโลยีชั้นสูง ในการตรวจดูเด็ก ที่อยู่ภายในมดลูกของแม่ ได้อย่างปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อคุณแม่และเด็ก แต่อย่างใด ซึ่งเทคโนโลยี ดังกล่าวเป็น การตรวจครรภ์ ด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ นั่นเอง
การตรวจอัลตร้าซาวด์ หรือ “การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง” โดยการตรวจจะเป็นการตรวจที่ใช้ คลื่นเสียง ในการสร้างภาพทารก ที่อยู่ในท้อง ของคุณแม่ โดยตัวอุปกรณ์จะปล่อยคลื่นเสียง ผ่านร่างกาย ของคุณแม่ จากนั้นคลื่นเสียงนี้จะ มีการสะท้อนกับกล้ามเนื้อ ไขมัน อวัยวะในช่องท้อง และร่างกายของทารก รวมไปถึง รก น้ำคร่ำ ที่อยู่ภายใน มดลูกของคุณแม่ แล้วสะท้อนกลับมา ยังตัวอุปกรณ์ของ เครื่องอันตร้าซาวด์ เพื่อแปลงเป็นภาพทางหน้าจอ
การอัลตร้าซาวด์ สามารถบอกได้ว่า เด็กมีการเจริญเติบโต อย่างไร การยึดเกาะของรกเป็นอย่างไร การเคลื่อนไหวของเด็ก เป็นอย่างไร ท่าของเด็กตอนอยู่ใน มดลูกเป็นอย่างไร จังหวะการเต้นของหัวใจเด็ก เป็นอย่างไร รวมทั้งยังสามารถ บอกได้อีกว่าทารกในครรภ์ เป็นทารกเพศชาย หรือเพศหญิง ได้อีกด้วย ซึ่งส่วนมาก คุณแม่ที่มีความประสงค์ จะให้แพทย์ อัลตร้าซาวด์ ดูเด็กในครรภ์ นั้นเป็นเพียงอยากรู้ว่า เด็กจะเป็นเพศหญิง หรือเพศชาย
ก่อนที่จะรับ การตรวจอัลตร้าซาวด์ คุณแม่ต้องดื่มน้ำให้มากๆ และจะต้องรอจนกว่าจะรู้สึก ปวดปัสสาวะ เต็มที่เสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อเป็น การลดการสะท้อน ของคลื่นเสียง ที่ผ่านไปยังตัวเด็กลดลง เพื่อจะได้เห็น ภาพเด็กในครรภ์ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
โดยปกติแล้วแพทย์จะทำการ ตรวจอัลตร้าซาวด์ ให้กับคุณแม่ ที่มีอายุครรภ์ มากกว่า 12 สัปดาห์ขึ้นไป และแพทย์จะไม่แนะนำ ให้ทำการตรวจครรภ์ ที่เป็นปรกติ ยกเว้นจะทำการตรวจ เฉพาะครรภ์ ที่มีข้อสงสัยหรือมีปัญหา เพราะถึงแม้ว่า การตรวจครรภ์ ด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ จะไม่เป็นอันตรายกับ ทารกในครรภ์ แต่ก็อาจจะมีผลต่อ ระบบประสาท การได้ยินของเด็ก ก็เป็นไปได้