ยาคุมกำเนิด
การกิน ยาคุมกำเนิด นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถป้องกัน การตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ลืมกิน และการกินยาคุม ผู้กินต้องทำความเข้าใจ ก่อนกินให้ดีเสียก่อน โดยต้องสังเกตที่แผงยาคุม จะมีวันกำกับ เช่น อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสฯ ศุกร์ เสาร์ หรืออาจจะเป็นตัวเลข 1 – 21 เป็นต้น
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิด
- ยากินสำหรับคุมกำเนิด แบบเม็ด จะประกอบไปด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด ได้แก่ ฮอโมน เอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน
- ยากินสำหรับคุมกำเนิด มีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกของผู้หญิงบางลง จึงไม่เหมาะแก่การฝังตัวของตัวอ่อนนั่นเอง
- ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด จะมีทั้ง 21 เม็ด และ 28 เม็ด โดยแบบ 21 เม็ด เมื่อกินหมดแผงต้องเว้นไปอีก 7 วันถึงจะเริ่มกินแผงใหม่ ส่วนแบบ 28 เม็ด จะมีตัวยาจริงเพียง 21 เม็ด และอีก 7 เม็ดจะเป็นแป้ง (เปรียบเสมือนการเป็นเม็ดยาหลอก) เหมาะสำหรับคนที่กลัวจะนับวันผิด จึงต้องกินต่อกันจนหมดแผง แต่ไม่ว่าจะกินแบบใด21 หรือ 28 เม็ด ก็ได้ผลในการคุมกำเนิดเท่ากัน
- ในการใช้ยาคุมกำเนิดครั้งแรก ให้เริ่มกินภายในวันที่ 1-5 ของช่วงที่มีประจำเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่
- การกินยาคุมกำเนิดจะต้องกินในเวลาเดิมของทุกๆ วัน
- การกินยาคุมอาจมีผลข้างเคียง
- ก่อนกินยาคุมแผงใหม่ทุกครั้ง ต้องเช็ควันหมดอายุ ทุกครั้ง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
ทำไมต้องยาคุมกำเนิด จึงสามารถป้องกัน การตั้งครรภ์ได้
- การกิน ยาคุมกำเนิด จะช่วยระงับการตกไข่
- จะช่วยให้บริเวณปากมดลูก มีมูกที่ข้นเหนียว ทำให้น้ำเชื้ออสุจิ หรือสเปิร์ม ผ่านเข้าไปในโพรงมดลูกได้ยาก
- การกินยาคุมกำเนิด จะทำให้เยื่อบุมดลูก เจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ ทำให้ไข่ที่ได้รับการผสมกับสเปิร์ม ไม่มีที่ฝังตัว เพราะการ กินยาคุมกำเนิด จะทำให้โพรงมดลูก ไม่เหมาะแก่การฝังตัวของไข่นั่นเอง
อาการข้างเคียงมีดังต่อไปนี้
- วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และเมื่อมีประจำเดือน จะมีอาการปวดประจำเดือนมากกว่าปรกติ เจ็บและคัดที่บริเวณเต้านม หรือมีอาการมดลูกโตและเส้นเลือดอุดตัน เป็นต้น
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เป็นสิวง่าย หน้ามัน ขนดก เต้านมเล็ก ประจำเดือนมาน้อย หรือบางครั้งประจำเดือนมามากผิดปรกติ เป็นต้น
ข้อควรระวังในการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด
- ห้ามใช้กับ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดอุดตัน
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ
- ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์